รายการเพื่อการศึกษา at hotel
Kru-Niidnoii
วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Noun : คำนาม
คำนาม ( Nouns ) หมายถึงคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งต่างๆ สถานที่ คุณสมบัติ สภาพ อาการ การกระทำ ความคิด ความรู้สึก ทั้งที่มีรูปร่างให้มองเห็น และไม่มีรูปร่าง คำนามส่วนใหญ่จะวางไว้หน้าประโยค เพื่อทำหน้าที่ประธาน หรืออยู่หลังประโยคเพื่อทำหน้าที่เป็นกรรม
คำนาม แบ่งตามลักษณะการใช้ออกเป็น 2 แบบคือ
1. คำนามที่นับได้ (Countable Noun) มีกฏเกณฑ์ในการเขียน ดังนี้
- ถ้าเป็นเอกพจน์(Singular) ที่มีเพียงหนึ่ง เราจะใช้ a , an นำหน้า
a นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ
an นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ หรือนำหน้าพยัญชนะแต่ออกเสียง "ออ"
เช่น
a book = หนังสือ 1 เล่ม
a chair = เก้าอี้ 1 ตัว
a table = โต๊ะ 1 ตัว
a duck = เป็ด 1 ตัว
a student = นักเรียน 1 คน
a radio = วิทยุ 1 เครื่อง
an ant = มด 1 ตัว
an elephant = ช้าง 1 ตัว
an egg = ไข่ 1 ฟอง
an ear = หู 1 ข้าง
an hour (1 ชั่วโมง) .ใช้ an นำหน้าถึงจะมีตัว H ที่เป็นพยัญชนะ อ่านออกเสียงตัว ออ
2. คำนามที่นับไม่ได้ (Uncountable) ในภาษาอังกฤษคำนามที่นับไม่ได้จะเป็นรูปเอกพจน์เสมอ เราไม่สามารถเขียนในรูปพหูพจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็น อากาศ อาหาร เครื่องดื่มและคำนามอื่นๆซึ่งคำนามเหล่านี้จะเขียนไปเลย เช่น
Rice (ข้าว) bread (ขนมปัง)
Rice (ข้าว) bread (ขนมปัง)
Sugar (น้ำตาล) coffee (ขนม)
Water (น้ำ) tea (ชา)
milk (นม) sugar (น้ำตาล)
salt (เกลือ) beef (เนื้อวัว)
pork (เนื้อหมู) honey (น้ำผึ้ง)
Furniture (เฟอร์นิเจอร์) Luggage (หีบห่อเดินทาง)
air (อากาศ) soup (ซุป)
ในทางไวยากรณ์นั้น เอกพจน์หมายถึง จำนวนเพียงจำนวนเดียว หรือพูดสั้น ๆ ก็คือ ตัวเดียว อันเดียว ส่วนพหูพจน์ก็ตรงกันข้ามกัน คือจำนวนมาก หรือหลายตัว หลายอันนั่นเอง ดังนั้น คำนามเอกพจน์ หมายถึงคำนามที่มีเพียงจำนวนเดียว (อันเดียว) คำนามพหูพจน์ คือคำนามที่มีหลายจำนวน (หลายอัน)
คำนามเอกพจน์และพหูพจน์
คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ ในภาษาอังกฤษค่อนข้างสร้างความสับสน ให้กับนักเรียนไทยค่อนข้างมาก เพราะคำนามบางคำเติม s บางคำ เติม es หรือบางคำก็คงรูปไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาในระดับสูง ๆ ต่อไป
คำนามเอกพจน์คือ คำนามที่ไม่มีการเติม S ส่วนคำนามพหูพจน์ คือคำนามที่มี S
ตัวอย่างคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์
เอกพจน์ | พหูพจน์ | คำอ่าน | ความหมาย |
sister boy teacher cat dog bird egg pen house school market bank | sisters boys teacher cats dogs birds eggs pens houses schools markets banks | ซิสเตอะ บอย ทีชเชอะ แค็ท ดอก เบิด เอก เพ็น เฮาส สกูล ม๊าคิท แบ็งค | พี่สาว เด็กชาย ครู แมว สุนัข นก ไข่ ปากกา บ้าน โรงเรียน ตลาด ธนาคาร |
|
เฉลย : 1.a ,2.c ,3.c ,4.d ,5.c ,6.c ,7.c ,8.a ,9.c ,10.c ,11.d ,12.a ,13.c ,14.a ,15.b ,16.c ,17.a ,18.d ,19.a ,20.c
เนื้อหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่น ภาษาไทย อ่านและเขียนคำนาม, ศิลปศึกษา วาดภาพประกอบคำศัพท์, การงานอาชีพและเทคโนโลยี่ งานประดิษฐ์ เลือกคำนาม 1 คำประดิษฐ์กรอบภาพคำศัพท์
แหล่งที่มา: http://ict.moph.go.th/English/content/nouns02_count.
วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554
การสอนชั้นประถมศึกษา เนื้อหาเรื่อง คำศัพท์
การนำเสนอเกี่ยวกับเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษอันเป็นประโยชน์ต่อผู้สอนนำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่การนำเสนอคำศัพท์ด้วยแบบฝึกหัด เชิงเกมส์ หรือการทดสอบ รู้สึกว่าจะเข้าถึงบรรดาเด็กวัยประถมศึกษาได้มากกว่าการท่องจำอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับในชั้นประถมเนื้อหาการเรียนการสอนจะเน้นไปยังการวางพื้นฐานภาษาอังกฤษต่างๆ ซึ่งพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการใช้ภาษาอังกฤษ คือคำศัพท์ ซึ่งในชั้นประถมนั้นการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับคพำศัพท์ นั้นจำเป็นต้องใช้เทคนิคในการทำความเข้าใจกับเด็กอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้การเรียนการสอนหน้าเบื่อ และทำให้เด็กเบื่อหน่ายไม่สนใจการเรียนการสอน และไม่เข้าใจเนื้อหาในที่สุด จำเป็นต้องจัดทำเอกสาร หรื่ออุปกรณ์ประกอบการสอนให้น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจของเด็กนักเรียน ด้วยเกมส์ การทดสอบ หรืออุปกรณ์การสอนที่สีสันสะดุดตาน่าสนใจ แล้วแฝงด้วยเนื้อหาคำศัพท์เพื่อให้เด็กจดจำโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายในเนื้อหา
ในชั้นนี้จึงได้รวบรวมเอกสารประกอบการสอน เกี่ยวกับคำสัพท์ที่ใช้สอนในระดับประถมศึกษามานำเสนอ แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ และหลายรูปแบบเพื่อความหลากหลายในการทำความเข้าใจกับเด็กนักเรียน และทำให้นักเรียนรู้สึกแปลกใหม่ไม่น่าเบื่อ สามารถศึกษาตามลิงค์ด้านล่างได้นะคะ
เอกสารประกอบการสอนที่ 1 คำศัพท์ A-Z
เอกสารประกอบการสอนที่ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Colour
เอกสารประกอบการสอนที่ 3 แบบฝึกหัดเรื่อง My number 1-10
เอกสารประกอบการสอนที่ 4 แบบฝึกหัดเรื่อง What's this?
เอกสารประกอบการสอนที่ 5 แบบฝึกหัดเรื่อง Read and Translate
เอกสารประกอบการสอนที่ 6 แบบฝึกหัด เติมคำศัพท์
เอกสารประกอบการสอนที่ 7 แบบฝึกหัด ทบทวนคำศัพท์
เอกสารประกอบการสอนที่ 8 แบบฝึกหัด Advance
เอกสารประกอบการสอนที่ 9 สื่อการสอนบัตรคำศัพท์
ในชั้นนี้จึงได้รวบรวมเอกสารประกอบการสอน เกี่ยวกับคำสัพท์ที่ใช้สอนในระดับประถมศึกษามานำเสนอ แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ และหลายรูปแบบเพื่อความหลากหลายในการทำความเข้าใจกับเด็กนักเรียน และทำให้นักเรียนรู้สึกแปลกใหม่ไม่น่าเบื่อ สามารถศึกษาตามลิงค์ด้านล่างได้นะคะ
เอกสารประกอบการสอนที่ 1 คำศัพท์ A-Z
เอกสารประกอบการสอนที่ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Colour
เอกสารประกอบการสอนที่ 3 แบบฝึกหัดเรื่อง My number 1-10
เอกสารประกอบการสอนที่ 4 แบบฝึกหัดเรื่อง What's this?
เอกสารประกอบการสอนที่ 5 แบบฝึกหัดเรื่อง Read and Translate
เอกสารประกอบการสอนที่ 6 แบบฝึกหัด เติมคำศัพท์
เอกสารประกอบการสอนที่ 7 แบบฝึกหัด ทบทวนคำศัพท์
เอกสารประกอบการสอนที่ 8 แบบฝึกหัด Advance
เอกสารประกอบการสอนที่ 9 สื่อการสอนบัตรคำศัพท์
วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ปัญหาในการเรียนภาษาอังกฤษ
|
วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ครูสอนภาษา และบทบาทที่ครูต้องประยุกต์
ครูสอนภาษาจําเปนตองพัฒนาตนเองตลอดเวลาเพื่อใหมีความรูที่เปนปจจุบัน และสามารถนําความรูมาประยุกตใชในการเรียนการสอนใหมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ความรูเกี่ยวกับศาสตรการเรียนการสอนภาษาเปลี่ยนไปแตละยุคสมัย แตละชวงเวลาองคความรูแตละยุคสมัยมีสวนชวยใหครูสอนภาษาเขาใจธรรมชาติการเรียนรูภาษา เนื้อหาที่จะนํามาสอน วิธีการเรียนการสอน และวิธีการวัด และประเมินผลในสมัยแรก ๆ การเรียนการสอนภาษาจะอิงอยูกับผลการวิเคราะหภาษาของนักภาษาศาสตรกลุมตางๆ เชน นัภาษาศาสตรกลุมวิเคราะหโครงสราง (structuralists) กลุมไวยากรณปริวรรต (transformationalists) และกลุมภาษาศาสตรสังคม (sociolinguists) ตอมานักภาษาศาสตรกลุมไวยากรณปริวรรตนําโดย Chomsky ไมเห็นดวยกับวิธีการของกลุมวิเคราะหโครงสราง เพราะมีความเห็นวาความหมายสําคัญกวารูปแบบ และองคประกอบของภาษาการเรียนภาษาโดยวิธีทองจํามีสวนชวยในการเรียนภาษานอยมาก ในทางจิตวิทยานักจิตวิทยาก็ไมเชื่อวาการทองจํามีความสําคัญในการเรียนรูและเชื่อวามนุษยมีความสามารถในดานความคิด แนวความคิดนี้มีผลตอการเรียนการสอน ภาษาจึงเปลี่ยนวิธีการจากการเน้นรูปแบบมาเน้นความหมาย และความเข้้าใจเปนแบบ “Cognitive Approach” และใหความสําคัญกับการอาน และการเขียนในระยะหลังนักภาษาศาสตรกลุมไวยากรณปริวรรตโดนนักภาษาศาสตรสังคม เชน Hymes และ Halliday วิจารณเพราะวิธีการวิเคราะหภาษาของ Chomsky ไมสามารถอธิบายการใชภาษาในสถานการณตาง ๆ ไดนอกจากนี้การวิเคราะหก็ไมคลุมถึงความสัมพันธระหวางภาษากับองคประกอบอื่นนอกเหนือจากภาษา นักภาษาศาสตรกลุมสังคมใหความสําคัญกับสถานะทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดลอมของผูเรียน อิทธิพลที่มีตอการเรียนการสอนภาษาคือ ทําใหเกิดการสอนภาษาแบบเนนสถานการณหรือ “Situational Approach” ตอมานักภาษาศาสตรกลุมภาษาปฏิบัติ (pragmaticists) เชน Spolsky และ Oller มองภาษาวาผูเรียนภาษาควรใชภาษาเปนเครื่องมือเพื่อการสื่อความคิด และความรูสึก โดย Oller (1978) กลาววา “Pragmatics is about how people communicate information about facts and feelings to other people through the use of language.”
ในประเทศไทยสภาพแวดลอมการสอนภาษาตางจากการสอนภาษาเปนภาษาที่สอง ครูสอนภาษาจึงตองพยายามหาขอมูลทางภาษาใหผูเรียนไดสัมผัสและไดใชมากที่สุด ทั้งยังตองจูงใจผูเรียนอีกดวย ในระดับอุดมศึกษาวิธีการที่อาจจะชวยใหผูเรียนเห็นความสําคัญของภาษาและเรียนภาษาอยางมีวัตถุประสงคที่แนชัด คือการสอนภาษาเฉพาะสาขาวิชา (English for Specific / Special Purposes หรือ ESP) Mackay และ Mountford (1978) เสนอวาภาษาอังกฤษเฉพาะสาขาวิชา ไดแก
1. ภาษาอังกฤษที่ใชในงานอาชีพ เชน ภาษาอังกฤษสําหรับพนักงานรับโทรศัพท ภาษาอังกฤษสําหรับนักบิน เปนตน
2. ภาษาอังกฤษสําหรับพนักงานปฏิบัติการ เชน ภาษาอังกฤษสําหรับเสมียนโรงแรม ภาษาอังกฤษสําหรับชางเครื่อง เปนตน
3. ภาษาอังกฤษในวงการวิชาการ เชน ภาษาอังกฤษสําหรับแพทยภาษาอังกฤษสําหรับวิศวกร เปนตน
Strevens (1977) แบงภาษาอังกฤษเฉพาะสาขาวิชาเปน 2 ประเภท คือ
1. ภาษาอังกฤษเพื่องานอาชีพ
2. ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา
ในการสํารวจวัตถุประสงคการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย กาญจนา ปราบพาล ภัสสรสิงคาลวณิช และอรอนงค หิรัญบูรณะ (2528) เสนอวัตถุประสงคการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเปน 3 ประเภท คือ
1. ภาษาอังกฤษที่ใชในชีวิตประจําวัน
2. ภาษาอังกฤษที่ใชในการศึกษา
3. ภาษาอังกฤษที่ใชในงานอาชีพ
การใชภาษาเพื่อสื่อความหมายไดในแตละประเภท ผูใชภาษาจําเปนตองมีความรูเกี่ยวกับเนื้อหาภาษา ทักษะทั่วไปในการใชภาษา เนื้อหาของภาษาอังกฤษเฉพาะสาขาวิชา กลวิธีในการสื่อสารและทักษะการใชภาษาเฉพาะดาน ลักษณะของขอมูลทางภาษาตองสอดคลองกับวัตถุประสงคในการสื่อสารเฉพาะดาน ดังที่ Widdowson กลาววา Learning Purpose และ Language Use ตองสัมพันธกัน และการใชภาษาไดผูใชภาษาตองมีความรู้เรื่องภาษา สวนวิธีการที่จะชวยผูเรียนใหถึงจุดหมายไดมีรูปแบบหลากหลายในยุคโลกาภิวัตนและยุคขอมูลขาวสาร ผูเรียนมีโอกาสไดสัมผัสกับขอมูลทางภาษาแบบหลากหลายเปนลักษณะของภาษาที่ใชจริงในการสื่อสาร ครูสอนภาษาจึงมีโอกาสดีที่จะนําขอมูลเหลานี้มาใชใหเกิดประโยชนกับผูเรียน เชน จัดกิจกรรมเสริมบทเรียนโดยใชขอมูลทาง Internet ใชคอมพิวเตอรชวยในการให feedback ที่ไมจํากัดเวลาและสถานที่ ครูสอนภาษาในปจจุบันจึงตองปรับเปลี่ยนบทบาทจากเดิมที่ถายทอดความรูเนื้อหาทางภาษาอยางเดียวเปนผูจัดกิจกรรมโดยนําขอมูลทางภาษาชวยใหผูเรียนเกิดการเรียนรูเปลี่ยนจากการเนนที่ครูมาเนนที่ผูเรียนวาจะชวยใหผูเรียนสามารถใชภาษาใหเปนประโยชนในการแสวงหาความรูดวยตนเองไดอยางไร ดังที่ไดเสนอในตอนตนวา ศาสตรของการสอนภาษามีการพัฒนาตลอดเวลา ครูสอนภาษาจะยึดถืออยูที่แนวคิดใดแนวคิดหนึ่งไมได ครูสอนภาษาจําเปนตองติดตามความรูในศาสตรที่เปนปจจุบันสามารถนําความรูมาประยุกตใหเกิดประโยชนกับผูเรียนและในขณะเดียวกันตองติดตามความกาวหนาของโลกและพัฒนาตนเองตลอดเวลา ครูสอนภาษาจึงจะสามารถทําหนาที่ไดอยางเหมาะสมในยุคโลกาภิวัตนวิธีการเรียนการสอนแบบเรียนรูดวยตนเองที่จะชวยฝกผูเรียนในระดับอุดมศึกษาใหผสมผสานความรูภาษาอังกฤษและความรูดานเนื้อหาคือ การเรียนการสอนโดยใช Internet ทั้งนี้เพราะวาขอมูลภาษาที่ผูเรียนสามารถสัมผัสไดมีทั้งขอมูลที่ใชในชีวิตประจําวันเพื่อคนควาหาความรูและใชในการประกอบอาชีพ สําหรับลักษณะของภาษาที่ใชในชีวิตประจําวันที่ครูสอนภาษาสามารถจัดกิจกรรมใหผูเรียนฝกฝนดวยตนเองได เชน การหาขอมูลจาก Web Sites ตาง ๆ เชน Yahoo, CNN, ESL Caf e เปนตน สําหรับภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ครูอาจใหผูเรียนสืบคนขอมูลจาก ERIC และ electronic journal หรือแมแตการศึกษาแบบทางไกล (Distance Education) หรือรับทราบความกาวหนาในการเรียนการสอนแบบ neteach เปนตน สําหรับขอมูลทางภาษาในการประกอบอาชีพจะมีแยกไปตามสาขาวิชา เชน ภาษาอังกฤษสําหรับวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ภาษาอังกฤษสําหรับแพทย และภาษาอังกฤษสําหรับธุรกิจ เปนตน (รายละเอียดสําหรับ Web Sites ตาง ๆ ที่ครูสอนภาษาสนใจสามารถอานไดจาก The Internet Guide for English Language Teachers Web Sites โดย Dave Sperling, 1997) ขอมูลทางภาษาเหลานี้คงเปนเพียง “input” ถาใชนิยามของ Krashen (1982) ครูสอนภาษามีหนาที่จะชวยแปลง “input” เหลานี้เปน “intake” คือ ผูเรียนสามารถ ซึมซับ เขาใจ และใชไดทั้งนี้ขึ้นอยูกับวิธีการและกระบวนการในการจัดกิจกรรมซึ่งเปนหนาที่ของครูสอนภาษาโดยเฉพาะ Goodwyn, Clarke และ Adams (1997) เสนอวา ครูสอนภาษาในอนาคตจะใชคอมพิวเตอรในหลักสูตรการเรียนการสอนภาษา เพราะจะชวยพัฒนาทักษะการอานและการเขียน และความสามารถในการสื่อสารกับประชาคมโลกจะเห็นไดวาถาครูสอนภาษาไมติดตามความรูตลอดเวลา เราอาจจะมองวิธีการเรียนการสอนภาษาตามยุคสมัยที่เราไดเรียนมา ซึ่งเปนความรูบางสวนขององคความรู ทั้งหมด และเปนองคความรูที่อาจไมเปนจริงในปจจุบัน ครูสอนภาษาจึงตองพัฒนาตนเองตลอดเวลาโดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัตนที่ครูตองเตรียมเยาวชนของเราใหทัดเทียมและสามารถแขงขันกับเยาวชนของชาติอื่นได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)